โรงเรียนวัดปากช่อง (จันทรานุมาศวิทยาคาร)

หมู่ที่ 2 บ้านปากช่อง ตำบล ปากช่อง อำเภอ จอมบึง จังหวัด ราชบุรี 70150

Mon - Fri: 9:00 - 17:30

032 740734

เมือง นิทานสอนใจน่าอ่านเรื่อง เมืองต้องคำสาป

เมือง นิทาน เมืองต้องคำสาป

เมือง ความเดิมจากตอนที่แล้วหลังจากที่กิตพร ได้มาถึงยังเมืองแห่งหนึ่งที่ดูหน้าประหลาด แล้วเขาก็ได้บังคับม้าให้เดินเข้าไปยังเมองแห่งนั้น ม้าเขาขี่ม้าผ่านบ้านของชาวบ้านเขาก้ต้อวแปลกใจเพราะชาวบ้านที่นั่งๆ นอนๆ กันอยู่นั้นกับวิ่งรนรานเข้าไปอยู่ในบ้านทุกบ้านได้แต่ปิดหน้าต่างเหมือนกับกลัวเขา หรือกลัวอะไรสักอย่างในระหว่างที่กิตพร

นั้นกำลังนั่งครุ่นคิดอยู่บนหลังม้า จู่ๆ แสงสว่างจ้า จากแดดก็เริ่มหายไป แล้วแทนที่ด้วยแสงสลัวๆ ไปทั่วทั้งบริเวณเมือง กิตพรเงยหน้าขึ้นไปดูท้องฟ้าด้วยความแปลกใจเพราะตัวกิตพรนั้นเขามั่นใจว่านี้พึ่งจะเป็นเวลาเที่ยงวันแต่ทำไมที่เมืองแห่งนี้ในเวลานี้กลับกลายเป็นเหมือนเวลาที่ใกล้ค่ำแล้ว และที่หน้าแปลกใจกว่านั้นคือนกแร้งจำนวนมาก

ได้บินมาสมทบกันที่ฟากฟ้าพวกมันบินมารวมกันแล้วส่งเสียงร้องกันระงม ซึ่งเสียงร้องนั้นก็ฟังดูหน้ากลัวมาก ส่วนนกตัวอื่นๆ ที่กิตพร ได้เห็นก่อนหน้าหนีก็ได้บินหนีหายไป กิตพรนั่งอยู่บนหลังม้าแล้วครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไร และไปไหนดี จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงร้องเรียกดังมาจากกระท่อมหลังหนึ่งชายหนุ่มพยายามเพ่งมองดูจนเห็นว่าเป็นชายแก่ผมขาว

กำลังกวักมือเพื่อเรียกให้เขาเข้าไปหา ชายแก่คนนั้นกวักมือเรียกเขาอยู่ที่หน้าต่างของกระท่อมพร้อมกับมองรอบด้วยความหวาดระแวงไปด้วย กิตพร จึงรีบขี่ม้าเข้าไป แล้วเมื่อได้ทำการผูกม้าไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินเข้าไปที่หน้ากระท่อมที่ชายแก่กวักมือเรียกเขา ประตูของกระท่อมก็ได้เปิดออกพร้อมกับมีมือเหี่ยวๆ ดึงมือของเขาเข้าไป

ในกระท่อม หลังจากนั้น มือนั้นก็รีบทำการปิดประตูลงกรอย่างรวดเร็ว กิตพรได้ทำความเคารพต่อชายแก่คนนั้น และนั่งลงบนพื้นกระท่อมตามคำเชื่อเชิญของชายแก่คนนั้น เขานั่งนิ่งๆ แล้วให้เจ้าของกระท่อมมองอย่างสำรวจตรวจตา

“พ่อหนุ่มเจ้ามาจากไหน เจ้าไม่ใช่คนเมืองนี้ใช่หรือไม่”

“ใช่แล้วท่านลุงข้าไม่ใช่คนเมืองนี้แล้วข้ามาจากป่าที่ไกลจากที่นี่มาก”

“แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไมรึเจ้าต้องรีบเดินทางกลับเชียวนะ ที่นี่ไม่น่าอยู่ดอกมีแต่คำสาป เจ้าอาจจะตายได้” กิตพรเลยขอให้ชายแก่คนนั้นเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ชายแก่ก็ได้เล่าให้เขาฟังว่าเมืองแห่งนี้มีชื่อว่า เมืองนิรมิตนคร และเป็นเมืองที่ใหญ่โตที่มีชาวเมืองอาศัยกันอยู่อย่างมากมาย บ้านเมืองก็ดูสมบูรณ์แล้วเจ้าเมืองก็ดูแลอย่างดีเสมอมา

จนกระทั่งวันหนึ่งลูกชายของเจ้าเมืองได้ออกไปเที่ยวเล่นในป่ากับเหล่าทหาร เขาได้เดินทางออกไปไกลจนไปถึงเมือง เมืองหนึ่งที่เป็นเมืองอยู่ในหุบเขาและดูแห้งแล้งกันดาร ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย อีกทั้งเสบียงที่พวกเขานำติดตัวไปนั้นก็หมดพอดี ทหารที่ติดตามไปก็ได้พยายามที่จะหาอาหารเพิ่ม แต่เพราะเป็นเมืองที่แห้งแล้งกันดาร

เมือง

ทำให้ม่มีพืชพันธุ์สัตว์ป่าหรือผลไม้ใดๆ คงมีแต่บรรดานกแร้งที่บินว่อนอยู่บนท้องฟ้า ลูกชายของท่านเจ้าเมืองเลยตัดสินใจยิงนกแร้งตัวหนึ่ง เพื่อนำมาย่างกินให้พอมีแรง และจะได้ออกเดินทางกลับ แต่เมื่อพวกเขากินแร้งนั้นจนหมด จู่ๆ ก็มีพญาแร้งตัวหนึ่ง บินมาอย่างรวดเร็วอย่างพายุ และเมื่อมาถึงกลุ่มที่ลูกของเจ้าเมืองและเหล่าทหารนั่ง

กันอยู่นั้นพญาแร้งก็ร้องคำรามลั่น และได้บินลงมายังพื้นดินร่างของพญาแร้งตัวใหญ่ที่ดูหน้าเกลียดหน้ากลัวนั้น ก็กลับกลายเป็นมนุษย์ตัวโตที่มีหน้าตาที่ดูโหดเหี้ยมมันหันไปมองที่กองกระดูกของนักแร้งที่ลูกของเจ้าเมือง และเหล่าทหารกินกันไปจนหมด ด้วยความโกรธแค้น 

“พวกเจ้าล่วงล่ำเข้ามายังเขตเมืองของข้า แล้วยังมากินเนื้อลูกหลานของข้าอีก ข้าจะฆ่าพวกเจ้า และสาปแช่งเจ้ากับบ้านเมืองของเจ้าด้วย”

นกแร้งตัวนั้นได้ฆ่าทหารที่ติดตามไปของลอูกชายของเจ้าเมืองไปทั้งหมดแล้วจับลูกชายของเจ้าเมืองไปทรมานในคุกของเมืองพญาแร้ง หลังจากนั้นไม่นานพญาแร้งก็พาลูกชายของท่านเจ้าเมืองที่ผอมซีดจากการถูกทรมานกลับมาที่ นิรมิตนคร พญาแร้งตัวนั้นได้กลับกลายร่างเป็นมนุษย์ และยืนข่มขวัญทุกคนต่อหน้าบันลังก์ของท่านเจ้าเมือง

แต่พอมันเห็นลูกสาวของท่านเจ้าเมืองมันก็รู้สึกพอใจเลยอยากได้เป็นเมีย มันเลยเสนอถ้าไม่อยากให้เมืองแห่งนี้ถูกสาปก็ให้ท่านเจ้าเมืองยกลูกสาวให้เป็นเมียของมัน แต่ท่านเจ้าเมืองไม่เจ้าพญาแร้งตัวนั้นจึงกีธมากมันคำราลั่นไปทั่วท้องพระโรง และก็ตะโคกกลับมาว่าถ้าไม่ยอมยกลูกสาวให้กับมัน มันก็จะขอชีวิตลูกชายแทน แต่ท่านเจ้าเมือง

ก็รักลูกเกินกว่าที่จะรับข้อเสนอใดๆ เมื่อท่านเจ้าเมืองไม่ยอมรับข้อเสนออะไรเลยพญาแร้งตัวนั้นก็โกรธแค้นมากขึ้นไปอีก มันเลยสาปเมืองนิรมิตนครให้กลายเป็นเมืองที่แห้งแล้ง และบนท้องฟ้านั้น จะเต็มไปด้วยฝูงนกที่จะคอยจิกกินพืชพันธุ์ต่างๆ และหลังจากเวลาเที่ยงวันของทุกวัน ความมืดมิดจะเข้ามาครอบงำเมืองทั้งเมืองฝูกนกแร้งจะมาบินว่อน

เพื่อหากินซากสัตว์ซากคนซ้ำร้ายไปกว่านั้นพญาแร้งจะมาจับสัตว์จับคนจากนิรมิตนครกลับไปเป็นอาหารของมัน อาทิตย์ ละ 1 คน พร้อมกับสัตว์อีกหนึ่งตัวซึ่งจะต้องเป็นสัตว์ใหญ่เท่านั้น แต่เมื่อไหร่ที่ท่านเจ้าเมืองยอมรับข้อเสนอโดยท่านเจ้าเมืองยอมยกลูกสาวให้หรือให้ชีวิตของลูกชายพญาแร้งก็จะถอนคำสาป และจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับนิรมิตนคร

อีกแต่เมื่อเวลาผ่านมาเนินนานแล้วท่านเจ้าเมืองก็ยังไม่ยอมรับข้อเสนอทั้ง 2 อย่าง และเหล่าอํามาตย์ก็ได้บอกกล่าวว่าให้ลูกชายเป็นคนรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองนั้นก่อขึ้นจนนำความโชคร้ายเข้ามาสู่บ้านเมืองโดยการยอมตายเพื่อให้พญาแร้งถอนคำสาปให้ แต่ลูกชายของเจ้าเมืองก็เป็นคนเหลาะแหละไม่มีความกล้าหาร และรักตัวกลัวตาย

จึงไม่ยอมทำตามที่เหล่าอํามาตย์บอกกล่าว จนเวลาผ่านมาเนินนานพอสมควรแล้วที่คำสาปจากพญาแร้งได้ครอบคลุมนิรมิตนครชาวเมืองก็อยู่กันอย่างหวาดกลัวในแต่ละอาทิตย์ก็จะมีผู้โชคร้ายหนึ่งคนที่พญาแร้งจะมาจับตัวไปรวมทั้งวัวควายที่ได้ล้มหายตายจากไปมากมายแล้ว เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปโปรดติดตามตอนต่อไป

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม > นิทาน