อเมริกา Ep. 44 Life is a roller coaster(3)
อเมริกา พ่อเราค่อนข้างโกรธที่ทางทุนไม่ได้บอกว่าเราไป Denver แต่ลงเอยที่ Los Angeles (ขนเสื้อหนาวไปตั้งเยอะ) คุณอาจนึกภาพไม่ออกงั้นเราขออธิบาย Denverอยูาในรัฐ Colorado มีอากาศหนาว และมีหิมะตกบ้าง แต่ที่ Los Angeles รัฐ California แดดจะจ้า อากาศจะคล้ายกับบ้านเรา ยกเว้นว่าจะไม่มีหน้าฝน (เพราะบางส่วนของรัฐเป็นทะเลทรายค่ะ)
แต่เอาเถอะมี host family มารับไปก็บุญแล้ว แล้วแม่อุปถัมภ์(host mom)เราก็ก็กลับมา เขาไม่ได้ดูเหมือนป้าใจดี แต่ดูเหมือนคุณแม่ไฮโซมากกว่า เขาบอกว่าที่สนใจรับเรามาเพราะเคยไปเมืองไทยแล้วชอบผัดไทยมาก (เหตุผลแค่นี้เนี่ยนะ) แต่ก็เอาเถอะ เรารู้สึกเลยว่าอยู่บ้านนี้แล้วเหมือนสวรรค์ ทั้งขนมนมเนยที่ไม่เคยขาดตู้เย็น
(น้ำหนักเราขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าคุณไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกาปีนึง น้ำหนักจะขึ้นอย่างน้อย20กิโล) มีห้องส่วนตัว แถมสระว่ายน้ำ และเจ้าหมาตัวโตที่เราเคยกลัวตอนหลังก็เป็นเพื่อนที่ดีของเรามาก เวลาเรานั่งเหงาอยู่คนเดียว มันเหมือนจะรับรู้ความรู้สึกเรา และลากเราออกไปดูดาวที่สวนนอกบ้านเสมอ (มีเหมือนกันที่ทางทุนบอกว่าบางคนไปอยู่เป็นคุณหนู กลับบ้านมาจะทนสภาพที่ตัวเองอยู่ไม่ได้)
แต่เหรียญมักมีสองด้าน เมื่อเจอสิ่งที่ดี คุณก็มักเจอสิ่งที่แย่เสมอ
1.host mom เราเป็นผู้หญิงทำงานและมักไม่มีเวลามาดูแลบ้านเหมือนกับคุณแม่แท้ๆของเรา ไม่มีอาหารสามมื้อมาประเคนให้ หิวก็หากินเอง (เราก็ได้ของกินในตู้เย็นเนี่ยแหล่ะประทังชีวิต) ส่วนใหญ่เขาจะทำอาหารทีเยอะมากๆ ใส่ตู้เย็นแล้วกินเป็นอาทิตย์ (คุณนึกสภาพกินของซ้ำกันเป็นอาทิตย์) มีครั้งหนึ่งเราบอกเขาว่าผงซักฟอกหมด host dad
เขาก็ เออๆ แล้วก็ลืม (ด้วยความว่าเขาไม่ได้เป็นคนซักเสื้อผ้าอ่ะนะ) คือณจุดนั้น เราอยากจะบอกว่าเราไม่มีเสื้อผ้าจะใส่แล้ว เพราะเราเอาเสื้อผ้ามาค่อนข้างน้อย (ก็เพราะมัวแต่เว้นที่ไว้ให้เสื้อหนาวเนี่ยแหล่ะ) และแล้วเมื่อไม่มีเสื้อผ้าใส่ เราก็ต้องใส่เสื้อหนาวออกมา ทั้งที่อากาศข้างนอกร้อนตับแตก host dad หัวเราะแล้วถามว่าเราเป็นอะไร เราก็บอกเขาว่า”ไม่มีอะไรใส่แล้ว มีแต่เสื้อหนาว” host dadถึงนึกขึ้นได้ว่าเราไม่มีผงซักฟอก และออกไปซื้อ
2.เราไม่มีโรงเรียนเรียน!!!และนี่เป็นเรื่องจริง เพราะเมืองที่เราไปอยู่นั้นมีเด็กแลกเปลี่ยนคนหนึ่งอยู่อยู่แล้ว (คือเพื่อนของเราจากไทยเอง) และโรงเรียนประจำเมืองไม่ยอมรับเด็กแลกเปลี่ยนสองคน เราได้แต่นั่งเซ็งๆที่บ้านไปวันๆ เราเข้าโรงเรียนช้ากว่าคนอื่นมากๆ เพราะย้ายหลายบ้านมากกว่าทุกอย่างจะลงตัว
และแล้ววันหนึ่ง แม่เราก็เขียนจดหมายมา เพราะเราเข้าถึงคอมไม่ได้ e-mailหาท่านไม่ได้ทุกวัน และทางทุนก็ให้เราพยายามตัดไม่ติดต่อครอบครัวของเราด้วย เพราะจะทำให้เราhomesick ไม่ยอมหาย เราบอกให้แม่ช่วยส่งรูปต่างๆของเรามาให้ด้วย เพราะเราไม่มีรูปให้ทาง host family ดูเลย ในจดหมายนั้นมีแต่คำว่า คิดถึง คิดถึง
และ คิดถึง เราได้แต่กอดจดหมายนั้นแล้วร้องให้ แม่เขียนให้ฟังว่าน้องชายแท้ๆของเรา(ที่เราชอบแกล้ง)เอาตุ๊กตาเราไปกอดแล้วร้องให้อยู่นานมากๆ เราตกใจเลยที่น้องชายเราจะคิดถึงเราขนาดนั้น เราบอก host mom ว่า “sorry” host mom ที่นั่งอยู่เขาเฉยๆและไม่ปลอบโยนอะไรเรา แล้วบอก “it’s ok take your time”
เรานั่งร้องให้และเริ่มคิดว่าเรามาทำไม เสียเงินตั้งมากมาย ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ๆเราอยากมา แล้วตอนนี้ก็เจอแต่ความไม่แน่นอนที่เราด้วยตัวเองคนเดียว โรงเรียนก็ไม่มีเรียน ตอนนั้นเรายังไม่รู้…ไม่รู้ว่าจะเจอความไม่แน่นอนหนักกว่านี้(เดี๋ยวจะหาว่าเว่อร์)แต่เป็นอีกล้านเท่าเลยแหล่ะ
แล้วน้องสาวอุปถัมภ์(หรือที่เราเรียกย่อๆว่า host sis)เขาก็พาเราไปทำงานพิเศษด้วย ซึ่งที่นั่นเราก็ได้เจอเพื่อนเขา ซึ่งเราขอบอกว่าวัยรุ่นอเมริกันเป็นผู้ใหญ่มากๆ มากจนกล้าพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดในที่สาธารณะกันอย่างเปิดเผย เรางี้ชอคทำไรไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้าทำงานเงียบๆ เราเริ่มกังวลว่าเราจะเข้ากับเพื่อนน้องได้เหรอเปล่า เราไม่พูดอะไรเลยจนทำงานเสร็จ และ host dad มารับกลับบ้าน
รู้สึก host dad จะเป็นคนที่เราสนิทที่สุดเพราะเขาทำงานประมาณ freelance วิศวกร เขาเลยอยู่ที่บ้านทั้งวัน เจอเรานั่งเซ็งๆอยู่ เขาก็ชวนคุยเรื่องประวัติศาสตร์ไทย การ์ตูนญี่ปุ่น ดาราที่เราชอบ สัพเพเหระ ไปตามเรื่อง
แล้ววันหนึ่งเขาก็ถาม “ประเทศ u มี king กี่คนกัน
เรา:”เอ่อ….”
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มได้ที่ > ผู้ใหญ่