นิทาน เศรษฐีกลายเป็นจระเข้
นิทาน ความเดิมจากตอนที่แล้วหลังจากที่เศรษฐีทองล่อให้จระเข้เข้ามาในสระข้างบ้านของตัวเองพอวันรุ่งขึ้นเศรษฐีทองได้ชวนขามและเขียง ไปที่สระข้างบ้านเมื่อไปถึงเขียงก็เห็นจระเข้หลายตัวพรุบๆ โผล่ๆ อยู่ในน้ำรวมทั้งเจ้าจระเข้ตัวใหญ่ที่ฆ่าลูกเมียของเศรษฐีทองด้วย เศรษฐีทองให้ขามอบกปืนออกมา 2 กระปอกจากนั้นทั้งเศรษฐี
และขามก็ช่วยกันกระหน่ำยิงปืนใส่จระเข้กันแบบไม่ยั้งจนน้ำในสระเริ่มกลายเป็นสีแดง “ไอ้ขามมึงอย่ายิงให้พวกมันตายข้าอยากให้พวกมันทรมาน และกัดกินกันเอง” เขียงที่ยืนมองอยู่นั้นรู้สึกไม่สบายใจเลยที่เห็นเศรษฐีทอง และขามทำแบบนั้นเพราะเขาคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ และมันคงเป็นคราวเคราะห์ของลูกเมีย
ท่านเศรษฐีที่ต้องตายจากไป เขาคิดว่าการที่ไปทรมานจระเข้แบบนั้นมันไม่ได้ช่วยให้คนที่ตายไปฟื้นขึ้นมาได้สู้ปล่อยให้มันไปอยู่ตามธรรมชาติ และผู้คนก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน แบบต่างคนต่างอยู่คงจะดีกว่าที่ต้องมาทำร้ายกันแบบนี้ เศรษฐีทองกับขามมักจะทำแบบนี้กับจระเข้ในสระอยู่แบบนี้เสมอจระเข้ที่อ่อนแอตัวเล็กก็จะตายไป
และกลายเป็นอาหารให้กับจระเข้ตัวอื่นๆ แค่นั้นยังไม่พอเศรษฐียังให้ขามไปว่าจ้างชายฉกรรจ์อีกหลายๆ คน ให้ช่วยกันออกล่าจระเข้ในบึงใหญ่ถ้าล่ามาได้เขาก็จะให้รางวัลอย่างงามนอกเหนือจากเวินค่าจ้างที่ให้อยู่แล้วจึงทำให้พวกผู้ชายในหมู่บ้านออกล่าจระเข้กันในทุกๆ วันแต่เขียงนั้นเลี่ยงที่จะไม่ไปด้วย และขอทำงานอย่างอื่นให้เศรษฐี
แทนเมื่อล่าจระเข้มาได้แล้วเศรษฐีก็จะสั่งให้แร่เนื้อถือหนังออกในส่วนของหนังนั้นเขาได้ส่งไปขายให้กับพักพวกที่อยู่ต่างหมู่บ้านส่วนเนื้อจระเข้เขาก็แจกจ่ายให้กับชาวบ้านไปทำกินแต่ถ้าไม่มีใครกินเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร และเศษซากที่เหลือเขาได้สั่งให้ขามโยนลงไปในสระข้างบ้านเพื่อไปเป็นอาหารให้กับจระเข้ที่ผอมโซเหล่านั้น
และเพราะชาวบ้านออกล่าจระเข้อยู่บ่อยๆ จึงทำให้จระเข้เริ่มหายไปจากบึงใหญ่จำนวนของจระเข้ในบึงเริ่มลดน้อยถอยลงอย่างเห็นได้ชัดซึ่งสิ่งนั้นดูจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของเศรษฐีเอามากๆ แต่เขาก็ยังไม่หยุดเศรษฐีทองได้ว่าจ้างให้ชาวบ้านออกล่าจระเข้ไกลออกไปเรื่อยๆ และไม่นานนักจระเข้ก็ไม่เข้ามาป่วนเปี่ยนแถวๆ กับบึงใหญ่
ใกล้หม่บ้านอีกเลยเมื่อจระเข้ในบึงใหญ่หายไปหมดแล้ว เศรษฐีทองก็หันไปเล่นงานจระเข้ในสระข้างบ้านอีกโดยเขาจะนำปืนออกมายิงจระเข้ในทุกๆ วัน และปล่อยให้พวกมันอดอยาก เมื่อจระเข้ในสระอดอยากมากๆ พวกมันจะต่อสู้ และกินกันเองเพื่อความอยู่รอดเหตุการณ์นั้นทำให้เศรษฐีทองยืนมองดูด้วยความสะใจ และในคำคืนหนึ่ง
ก็ได้มรจระเข้ปีนขึ้นจากสระมาได้จระเข้ตัวนั้นผอมมาก และมีอาการหิวโซมันค่อยๆ คลานไปที่ใต้ถุนบ้านของเศรษฐีทอง และได้ตะคุบเจ้าด่างที่เป็นหมาเฝ้าบ้านของเศรษฐีทองพร้อมทั้งกัดกินด้วยความหิวโหยเศรษฐีทองที่นอนอยู่ในห้องนั้นได้ยินเสียงแปลกประหลาดที่ใต้ถุนบ้านรวมทั้งขาม และเขียงที่นอนอยู่ตรงชานบ้านก็สะดุ้ง
ตื่นขึ้นมา เมื่อทั้ง 3 คนลงไปดูก็เห็นว่าจระเข้กำลังเขมือบเจ้าด่างคาปากอยู่ เศรษฐีทองโกรธมากเลยใช้ปืนยิงไปที่ขาของมันทั้ง 4 ขา และยิงเข้าที่ปากที่กำลังจะกลืนเจ้าด่างเข้าไปจระเข้ตัวนั้นมีอาการหยุดชะงักและพยายามจะคลายเจ้าด่างออกมา แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะคลานหนีเพราะมันคงเจ็บที่ถูกยิงมันเลยนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น
“ไอ้ขามเอ็งไปลากหางมันออกไปให้พ้นบ้านข้า” เมื่อขามลากจระเข้ตัวนั้นออกไปไกลพอสมควรเศรษฐีทองก็สั่งให้ขามใช้ไม้ท่อนทุบตีจระเข้ และทุกครั้งที่จระเข้ถูกทุบตีเศรษฐีทองก็จะหัวเราะชอบใจส่วนเขียงนั้นได้แต่ยืนมองด้วยความสังเวทใจเมื่อเห็นจระเข้นอนไม่ไหวติงแล้วเศรษฐีทอวก็เดินไปแย่งไม้ในมือขาม และกระหน่ำทุบตี
มันจนตายสนิทจากนั้นทั้ง 2 คนก็ช่วยกันโยนมันลงไปในสระ และจระเข้ที่กำลังหิวโซก็โผล่เข้ามากัดกินจนน้ำในสระขุ่นคลัก ในคืนต่อๆ มาเศรษฐีทองก็สั่งให้ขาม และเขียงนอนเฝ้าบ้านที่ใต้ถุนในแต่ละคืนเขียงไม่เคยนอนหลับสนิทเลยเพราะเขาไม่ไว้ใจจระเข้ในสระข้างบ้านแต่ขามกลับนอนหลับด้วยความสบายใจจนกระทั่งคืนหนึ่ง
เขียงก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียแต่เขาก็ต้องตกใจตื่นเพราะได้ยินเสียงขามร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด และทันได้เห็นจระเข้ตัวหนึ่งลากขามลงไปในสระซึ่งเศรษฐีทองก็วิ่งลงมาจากเลือน และทันได้เห็นภาพนั้นเข้าพอดี แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรขามได้เลยต่อมาไม่นานเศรษฐีทองได้ล้มป่วยด้วยโรคประหลาดโดยเริ่มมีผิวหนังตะปุ่มตะปั่ม
เหมือนกับจระเข้ และร่างกลายก็มีลักษณะคล้ายกับจระเข้เข้าไปทุกที แม้จะพยายามรักษาตัวเองแค่ไหนแต่อาการก็ไม่ได้ดีขึ้นเศรษฐีทองได้สั่งห้ามไม่ให้เขียงไปบอกกับชาวบ้าน เขาบอกว่าถ้าชาวบ้านถามว่าเข้าหายไปไหนก็ให้บอกว่าเขาออกไปค้าขายที่หมู่บ้านไกลออกไปเศรษฐีทองเจ็บป่วยเรื่อยมา และหลบอยู่แต่ในบ้านจนกระทั่ง
ร่างกายได้กลายเป็นจระเข้เต็มตัวจนเขียงนั้นไม่กล้าเข้าใกล้อีกเลยพอเขียงเห็นเศรษฐีทองกลายเป็นจระเข้เข้าก็ได้ไปดูจระเข้ในสระข้างบ้าน และพบเห็นแต่จระเข้ผอมโซ ซึ่งจระเข้ในสระนั้นดูไม่ต่างจากเศรษฐีทองที่กำลังนอนป่วยอยู่ฝ่ายเศรษฐีทองก็รู้สึกถึงความปั่นป่วนในตัว และเริ่มใช้มือคลาน 4 ขาอย่างช้าแม้จะไม่มีหางงอก
ออกมาแต่ร่างกายนั้นดูแลก็คือร่างของจระเข้ภายในใจของเขานั้นโหยหาบึงน้ำเขาจึงคลานลงจากบ้านแล้วไปที่สระข้างบ้านเมื่อไปถึงเขารู้สึกอยากจะลงไปในสระน้ำใจจะขาดแต่ก็กลัวจระเข้ที่จัวเองเคยทำร้ายสุดท้ายแล้วเขาก็กระโจนลงน้ำไปด้วยสัญชาตญาณของการเป็นจระเข้ และถูกลุมกัดกินจากจระเข้ในสระที่กำลังหิวโซ
เขียงที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่ยืนมองด้วยอาการตกตลึง และในความตกใจเขาได้วิ่งหนีขึ้นไปอยู่บนบ้าน และซุกตัวอยู่ในห้องด้วยความหวาดกลัวพอเริ่มดีขึ้นเขาก็ได้ไปหาหลวงตาที่วัด และเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังหลวงตาก็บอกว่าทั้งหมดเป็นเวรกรรมที่เศรษฐีทองสร้างขึ้นเศรษฐีทองเลยต้องรับกรรมแบบนั้น
“ถ้าโยมทองมาจองเวรเขาก็จะไม่เป็นแบบนี้” เมื่อได้พูดคุยกับหลวงตาจนสบายใจแล้วเขียงก็กลับไปที่บ้านของท่านเศรษฐี และได้นำเงินในหีบออกมาว่าจ้างชาวบ้านให้ช่วยกันขุดดินที่ขว้างทางออก และช่วยกันถมคลองกับสระข้างบ้านของเศรษฐีจนหมดจากนั้นก็รื้อบ้านหลังใหญ่ และนำไม้ที่รื้อออกมาไปถวายให้วัดในหมู่บ้าน
เพราะเศรษฐีทองไม่มีญาติที่ไหนอีกเขียงเลยยกที่ดินทั้งหมดให้เป็นที่สาธารณะให้กับหมู่บ้านเพราะเขียงนั้นตั้งใจจะอุทิศบุญกุศลให้กับเศรษฐีทองเมื่อได้ทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วเขียงก็ได้ไปอาศัยอยู่ที่วัด และรับใช้หลวงตาเรื่อยมา
อ่านบทความเพิ่มเติม > ครอบครัว